สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มก่อตั้งเมื่อเดือน
กรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดย ประเทศไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาคมอาสา หรือ Association of South East Asia
ขึ้น เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
แต่ดำเนินการได้เพียง 2 ปี ก็ต้องหยุดชะงักลง เนื่องจากความผกผัน
ทางการเมืองระหว่างประเทศอินโดนีเซีย และประเทศมาเลเซีย
ในช่วงทศวรรษ 2500 ระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ได้แพร่เข้า
มาสู่ภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เกิดความกังวลทางด้าน
เสถียรภาพทางการเมือง และเศรษฐกิจ ประกอบกับ ประเทศมหาอำนาจ
เริ่มไม่สนับสนุนให้ความช่วยเหลือเท่าที่ควร ทำให้ประเทศในกลุ่มหันมาหา
ความร่วมมือซึ่งกันและกันและได้มีการฟื้นฟูสัมพันธภาพระหว่างประเทศขึ้น
ด้วยเหตุนี้จึง ได้มีการแสวงหาลู่ทางจัดตั้งองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
ขึ้นในภูมิภาค “สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” จึงได้
จัดตั้งขึ้นโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การต่างประเทศของประเทศสมาชิก
ก่อตั้ง 5 ประเทศได้แก่ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ได้ร่วมลงนามใน “ปฏิญญากรุงเทพฯ”(Bangkok Declaration) หรือที่เรียกว่า ปฏิญญาอาเซียน (ASEAN Declaration) ที่พระราชวังสราญรมย์ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2510โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกันในภูมิภาค ธำรงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และ ความมั่นคง ทางการเมือง สร้างสรรค์ความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทางสังคมและวัฒนธรรม การกินดี อยู่ดีบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกันของสมาชิก
ในเวลาต่อมาได้มี บูรไนดารุสซาราม (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 8 มกราคม
2527) สาธารณรัฐสังคมคมนิยมเวียดนาม(เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 28 กรกฎาคม
2538) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 23
กรกฎาคม 2540) สหภาพพม่า(เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 23 กรกฎาคม 2540)ราชอาณาจักรกัมพูชา(เข้าเป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 เมษายน 2542) ตามลำดับ ทำให้อาเซียนมีสมาชิกครบ 10ประเทศ
เมื่อแรกก่อตั้งในปี 2510 อาเซียนมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ซึ่งผู้แทนทั้ง 5 ประเทศ ประกอบด้วย
1. นายอาดัม มาลิก (รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย)
2. นายตุน อับดุล ราชัก บินฮุสเซน(รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม
และรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติมาเลเซีย)
3. นายนาซิโซ รามอส (รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์)
4. นายเอส ราชารัตนัม(รัฐมนตรีต่างประเทศสิงค์โปร์)
5. พันเอก(พิเศษ) ถนัด คอมันตร์ (รัฐมนตรีต่างประเทศไทย) |